ข้อมูลของทั้งสองทีม
ชาร์ลตัน แอธเลติก กำลังพยายามเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้เป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ชิพ และเพื่อหยุดผลงานย่ำแย่ต่อเนื่องของทีมด้วย หลังจากแพ้ให้กับโบลตัน ในเกมเหย้า และแพ้ให้กับแบล็คเบิร์น ในเกมเยือน ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงต้องการรักษาความได้เปรียบเอาไว้ หลังจากยังคงมีความหวังในการลุ้นแชมป์ด้วยการเอาชนะเชลซี ทีมแชมป์เก่าได้อย่างกล้าหาญในการลงเล่นนัดที่ผ่านมา
ทีมดาบอัศวินยังไม่เคยแพ้ 3 นัดติดต่อกันเลยหลังจากเคยแพ้มาแล้วในช่วงก่อนนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว เกมที่ชนะปอร์ทสมัธ ไปได้ 2-1 ในการไปเยือนเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เป็นชัยชนะนัดเดียวในการลงเล่นเกมลีก 5 นัดหลังสุด แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะเชลซี ได้สำเร็จในการดวลจุดโทษในศึกคาร์ลิ่ง คัพ ในนัดต่อมาหลังจากเดินทางไปเยือนแฟรตตัน ปาร์ค ก็ตาม และแม้ว่าชาร์ลตัน จะเอาชนะวีแกน ได้เพียงสโมสรเดียวในการเล่นเหย้าในเกมลีกฤดูกาลนี้ พวกเขาก็เริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุดตั้งแต่ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ชิพ เป็นต้นมา
ชาร์ลตัน ไม่เคยเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในการลงเล่นเกมลีกในบ้านตั้งแต่ที่เคยเอาชนะไปได้ 2-0 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 ในลีกสูงสุดโดยพอล วิลเลียมส์ เป็นผู้ทำทั้ง 2 ประตู เกมเดียวกันนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วทีมดาบอัศวินโดนถล่มไป 4-0 ซึ่งพอล สโคลส์ และดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ทำประตูได้ในครึ่งแรก ในขณะที่อลัน สมิธ และเวย์น รูนี่ย์ จัดการต่อในนัดที่ถือเป็นการประเดิมสนามนัดแรกในพรีเมียร์ชิพ ของสเตฟาน แอนเดอร์เซ่น ผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก ของชาร์ลตัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปเยือนฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอนโดยมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอยู่ 10 คะแนน ถึงแม้ว่าปิศาจแดง จะเอาชนะเชลซี ได้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาก็ยังคว้าชัยชนะในเกมลีกได้น้อยกว่าทีมจ่าฝูงอยู่ถึง 4 นัด แต่ชัยชนะ 4 นัดจากทั้งหมด 6 นัดในพรีเมียร์ชิพ เป็นชัยชนะในเกมเยือน ที่จริงแล้วชาร์ลตัน เป็นเพียงสโมสรเดียวในพรีเมียร์ชิพ ที่ทำประตูในเกมเยือนได้มากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำได้ 11 ประตูในการไปเยือน ในขณะที่ชาร์ลตัน ทำได้ 12 ประตูในเกมเยือน 6 นัดในลีก
ทั้งสองทีมแพ้ในเกมเยือนนัดล่าสุดในลีกด้วยสกอร์เดียวกันคือ 1-4 โดยชาร์ลตัน แพ้ในการไปเยือนแบล็คเบิร์น เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ในเกมเยือนมิดเดิ้ลสโบรซ์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้มากที่สุดในรอบ 19 เดือน หากพวกเขาแพ้ในเกมนี้จะเป็นความพ่ายแพ้ในลีกหลังสงครามโลกนัดที่ 600 แต่พวกเขาต้องการชัยชนะก่อนลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสำคัญในวันอังคารที่จะเปิดบ้านพบกับบียาร์เรียล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะได้ทั้งเกมเหย้าและเกมเยือนในการพบกับทีมดาบอัศวินใน 4 จาก 6 ฤดูกาลที่พบกันในพรีเมียร์ชิพ รวมถึง 3 ฤดูกาลหลังสุดด้วย ปิศาจแดง ชนะ 5 นัดและเสมอ 1 นัดในการมาเยือนสนามเดอะ วัลลี่ย์ ในพรีเมียร์ชิพ
ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม
ชาร์ลตัน แอธเลติก อยู่อันดับที่ 8 มี 19 คะแนน, ทำประตูไม่ได้ 1 นัดจาก 6 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ และทำประตูไม่ได้ 2 นัดในฤดูกาลนี้, เสียประตูทุกนัดใน 9 นัดหลังสุดนับรวมทั้งเกมบอลลีกและบอลถ้วย (7 นัดนับเฉพาะพรีเมียร์ชิพ), ไม่เสียประตู 3 นัดติดต่อกันระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม ถึง 10 กันยายน ที่พบกับวีแกน (เหย้า), มิดเดิ้ลสโบรซ์ (เยือน) และเบอร์มิงแฮม (เยือน) และชนะได้ทั้ง 3 นัด, หากเกมนี้จบลงที่ผลเสมอจะทำให้คะแนนรวมทั้งหมดของชาร์ลตัน ในการเล่นพรีเมียร์ชิพ รวมเป็น 300 คะแนน, ผ่านไปแล้ว 15 นัดในลีกหลังจากเกมที่เสมอแบบไร้สกอร์, ผ่านไปแล้ว 8 นัดในพรีเมียร์ชิพหลังจากเกมที่ชนะมากกว่าประตูเดียว (ชนะ 3-0 ในเกมเยือนมิดเดิ้ลสโบรซ์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม), เสียประตูมากที่สุดในบรรดาสโมสร 10 อันดับแรกของตาราง (เสีย 14 ประตูจาก 11 นัด), ลงเล่นเกมเหย้าในลีก 4 นัดหลังสุดไม่ชนะเลย (เสมอ 1 นัดและแพ้ 3 นัด) หลังจากชนะวีแกน ไปได้ 1-0 ในบ้านเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม, ทำได้เพียง 1 คะแนนจากที่เป็นไปได้ 12 คะแนนใน 4 นัดหลังสุดที่เล่นที่สนามเดอะ วัลลี่ย์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่ 4 มี 21 คะแนน, ชนะ 5 นัดจาก 9 นัดหลังสุดนับรวมทุกรายการ, แพ้ 2 นัดจาก 3 นัดหลังสุดในเกมลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก, แพ้ 1 นัดจาก 5 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ โดยชนะ 3 นัด, ชนะทุกนัดที่เวย์น รูนี่ย์ ทำประตูได้ (17 นัดที่ผ่านมา, 5 นัดในฤดูกาลนี้), ทำประตูไม่ได้เพียงนัดเดียวในเกมพรีเมียร์ชิพ 16 นัดหลังสุด, เกมที่เอาชนะเชลซี เป็นเกมแรกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เสียประตูในเกมพรีเมียร์ชิพ 6 นัดหลังสุด โดยเป็นนัดที่ 5 ในฤดูกาลนี้ที่ไม่เสียประตู, ทำประตูได้นัดละ 1 ประตูในเกมลีก 3 นัดหลังสุด, มีคะแนนมากกว่าในฤดูกาลที่แล้ว 4 คะแนนในช่วงเวลาเดียวกัน, เกมที่แพ้ให้กับมิดเดิ้ลสโบรซ์ เป็นเกมแรกที่แพ้ในการไปเยือนในพรีเมียร์ชิพ ฤดูกาลนี้, ทำประตูไม่ได้นัดเดียวในเกมเยือน 8 นัดหลังสุดในลีก (เสมอกับลิเวอร์พูล แบบไร้สกอร์เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว), เสียประตูทุกนัดในเกมเยือน 3 นัดหลังสุดในลีก หลังจากที่ไม่เสียประตูในเกมเยือน 3 นัดแรกของฤดูกาล
เกร็ดน่ารู้ของผู้เล่นทั้งสองทีม
ชาร์ลตัน แอธเลติก
ดาร์เรน เบนท์ เป็นอันดับที่ 3 ของดาวยิงสูงสุดในพรีเมียร์ชิพโดยทำได้ 7 ประตูในลีก ตามหลังแฟร้งค์ แลมพาร์ด ของเชลซี อยู่ 3 ประตู และตามหลังรุด ฟาน นิสเตลรอย ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 1 ประตู
ไบรอัน ฮิวจ์ส ต้องการอีกประตูเดียวก็จะทำได้ครบ 50 ประตูในลีกอาชีพ
ถ้าฌอน บาร์ทเลตต์ ได้ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกมจะเป็นการลงสนามเป็นตัวจริงนัดที่ 100 ให้กับทีมดาบอัศวิน
ถ้าแดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ ได้ลงเล่นจะเป็นการลงเล่นนัดที่ 50 ในลีกให้กับชาร์ลตัน
โจนาธาน สเป็คเตอร์ ถูกยืมตัวมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำได้ 10 ประตูในทุกรายการให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตามหลังแฟร้งค์ แลมพาร์ด ของเชลซี อยู่ 1 ประตูนับรวมทุกรายการ ในขณะที่ฟาน นิสเตลรอย ทำได้ 8 ประตูในพรีเมียร์ชิพ ตามหลังแลมพาร์ด อยู่ 2 ประตู
ดาวยิงดัตช์แมนทำไปแล้ว 6 ประตูในพรีเมียร์ชิพ ในการพบกับชาร์ลตัน ในขณะที่พอล สโคลส์ ทำไป 3 ประตู
ทั้ง 4 ประตูที่เวย์น รูนี่ย์ ทำได้ในพรีเมียร์ชิพ ฤดูกาลนี้เป็นการทำประตูในเกมเยือนทั้งหมด
ถ้ารูนี่ย์ ได้ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกมจะเป็นการลงสนามเป็นตัวจริงนัดที่ 50 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลการแข่งขันที่สนามเดอะ วัลลี่ย์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ชาร์ลตัน แอธเลติก 0-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วันที่ 1 พฤษภาคม 2005
ผู้ตัดสิน : เดอร์ม็อต กัลลาเกอร์
ผู้ทำประตูให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : สโคลส์ น. 34, เฟล็ตเชอร์ น. 44, สมิธ น. 62, รูนี่ย์ น. 67
ผู้ถูกไล่ออก : เพอร์รี่ย์ (ชาร์ลตัน) น. 85
สถิติการพบกันทั้งหมด
ในลีกชาร์ลตัน ชนะ 10 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 31 ครั้ง, เสมอ 11 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ ชาร์ลตัน ชนะ 0 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 10 ครั้ง, เสมอ 2 ครั้ง
สถิติการพบกันที่สนามเดอะ วัลลี่ย์
ในลีกชาร์ลตัน ชนะ 7 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 13 ครั้ง, เสมอ 6 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ ชาร์ลตัน ชนะ 0 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 5 ครั้ง, เสมอ 1 ครั้ง
DaKinG